นกขุนทอง

นกขุนทอง

 นกขุนทอง (Hill Mynah) เป็นพันธุ์นกเอี้ยงที่พบได้ในป่า ไม่เหมือนกับนกเอี้ยงพันธุ์อื่น และปัจจุบันมีการจับมาเลี้ยงกันมาก จนทำให้เป็นนกที่หายากมาก แต่อาจพบจำหน่ายตามฟาร์มเลี้ยงหรือผู้นิยมเลี้ยงนกขุนทองทั่วไป
 ลักษณะทั่วไป
นกขุนทองที่พบในประเทศไทยมีลักษณะขนปีก และขนลำตัวสีดำ เหลือบสีน้ำเงินอมม่วง มีแถบสีขาวที่ปีกทั้งสองด้าน จงอยปากใหญ่แข็งแรง สีเหลือง ขนบนศรีษะเหมือนหวีผมแสกกลาง มีแผ่นหนังข้างศรีษะ พาดตั้งแต่บริเวณใต้ตาจรดท้ายด้านหลัง ตัวผู้ และตัวเมียมีลักษณะคล้ายกัน สังเกตความแตกต่างที่อวัยวะจึงดูออกได้


การดำรงชีพ
การดำรงชีพของนกขุนทองจะชอบหากิน และอาศัยเป็นฝูง เมื่อถึงช่วงผสมพันธุ์ (มกราคม-พฤษภาคม) นกเจริญพันธุ์ใหม่จะเริ่มจับคู่ ส่วนนกขุนทองที่เป็นคู่กันมาก่อน จะอยู่ใกล้ชิดกันตลอด และจะเริ่มแยกตัวออกเป็นคู่ๆเพื่อหาแหล่งสร้างรัง และวางไข่ หลังจากเลี้ยงลูกโตจนแยกจากพ่อแม่นกแล้วจึงค่อยกลับเข้ารวมฝูง

แหล่งอาศัยของนกขุนทองชอบอาศัยบริเวณป่าสูง แต่เมื่อถึงระยะวางไข่ จะบินลงที่ราบต่ำเพื่อหาแหล่งสร้างรัง และวางไข่ ตามต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีลำต้นสูง และมีโพรงไม้
 นกขุนทองจะวางไข่ปีละ 1-2 ครั้ง แม่นก 1 ตัว จะวางไข่ประมาณ 3-5 ฟอง แต่หากมีการเลี้ยงในกรงหรือพื้นที่จำกัดจะมีการผสมพันธุ์ และวางไข่ได้ตลอดทั้งปี
ไข่นกขุนทองมีสีฟ้า และมีจุดประเป็นสีน้ำตาล ขนาดไข่ประมาณ 2.6 x 3.3 ซม. น้ำหนักประมาณ 11.20 กรัม หลังจากการวางไข่ พ่อนก และแม่นกจะพลัดกันฟักไข่ ระยะเวลาการฟักไข่ประมาณ 14-17 วัน
 อาหารใช้เลี้ยง
อาหารที่ใช้เลี้ยงแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
1. อาหารสำเร็จรูป เป็นอาหารนกที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์ทั่วไป มักเป็นส่วนผสมของเมล็ดธัญพืช หรือเม็ดอาหารปรุงแต่งขนาดเล็ก
2. อาหารปรุงเอง ได้แก่ ข้าวจ้าวสุกคลุกกับเมล็ดธัญพืช
3. ผัก ผลไม้ เช่น มะละกอ แตงกวา แตงโม โดยการสับเป็นชิ้นๆ ส่วนผลไม้ขนาดเล็ก เช่น ตะขบ สามารถให้ได้ทั้งลูก
4. แมลงหรือสัตว์ขนาดเล็กต่างๆ เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตน ปลวก จิ้งจก เป็นต้น





ที่มา http://pasusat.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น